ประกาศรางวัลในเว็บของสมคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย




(บทความที่ได้รับรางวัล เรียงความยอดเยี่ยม จาก สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ในหัวข้อ "ถ้าอยากเป็นนักข่าว อยากเป็นนักข่าวสายไหน และมีเป้าหมายอะไรเพื่อสังคม" )




เรียงความของหนู

          สารภาพตามตรงว่า หัวข้อเรียงความที่ได้ สร้างความระทมกบาลเหมือนถูกพายุก้อนหินเขวี้ยงใส่หัว กับคำถามว่า "ถ้าอยากเป็นนักข่าว อยากทำสายไหน เป้าหมายเพื่อสังคมคือ???"

          คนอื่นๆ ที่จะเข้าอบรมนักข่าวพิราบน้อยรุ่น 11 อาจจะสามารถพูดได้เป็นฉากๆ

          แต่ผมขอตอบตามตรงอย่างไม่สร้างภาพว่า "ไม่รู้" ยิ่งถ้าให้ประดิษฐ์คำให้สวยงามด้วย ยิ่งแล้วใหญ่ ทำไม่เป็น

          เอาแค่คำว่าอยากเป็นผู้สื่อข่าวไหม??...ผมยังตอบไม่ได้เลย แต่มีความรู้สึกว่า ถ้าเป็นนักข่าวดังก็คงเท่ ดูดี มีเงิน พ่อแม่ปลื้ม อาจมีสาวกรี๊ดน้ำแตก...จบ

          คนอ่านบางคนที่ต่อมดัดจริตเบ่งบวม อ่านแล้วก็อาจเกิดอาการขยะแขยง พลางรับไม่ได้ และอาจสวนกลับมาด้วยถ้อยคำที่ฟังแล้วดูดีสตอเบอร์รี่ อย่างอุดมการณ์นักข่าว ทั้งที่ความจริงในสังคม...ที่บัดซบ ผมพยายามหา แต่ด้อยความสามารถที่จะพานพบ หรือผมอาจจะเป็น "แชมป์ว่าว" ก็ได้ (โฟกัสไม่ถูกจุด)

          นักข่าวผู้ยิ่งใหญ่มีหน้าตาหลายคน ภาพที่เห็นคือสีที่แต่งแต้ม ออกมาบอกว่าตัวเองเห่าในสิ่งที่ผิดปกติ บ้านเมืองต้องเป็นประชาธิปไตย ข่าวต้องเสนออย่างตรงไปตรงมาฯลฯ ... ลับหลังแทบจะกราบนายทุนขายชาติ ห้ามลูกน้องตัวเองตั้งสหภาพแรงงานบ้าง แล้วมันเป็นประชาธิปไตยตรงไหน เสนอข่าวอย่างตรงไปตรงมาตรงไหน ทั้งที่มีนายทุนคอยปิดปากด้วยงบโฆษณา และอำนาจทางอ้อม

          ยังไงก็ตาม เหนือสิ่งอื่นใดนอกจากเหตุผลข้างต้นว่าเป็นนักข่าวดัง แล้วมันเท่ ดูดีมี"ความรู้" คือผมชอบอ่านหนังสือพิมพ์ ชอบติดตามข่าว ชอบคุยเรื่องข่าวให้คนอื่นฟัง จึงเข้าข้างตัวเองไปว่า คงชอบในทางนี้ละมั้ง และคงมีความสุขมากกว่าหากได้ทำอาชีพนี้กว่าไปทำอย่างอื่น และพอได้ลองสัมผัสการทำงานจริงมาบ้าง ก็เริ่มรู้สึกสนุก เริ่มติดใจ

          แต่ถ้าจะให้คาดคั้นกันจริงๆ ว่า"อยาก"ทำสายไหนนั้น ผมไม่รู้ แต่ต้องจำใจตอบว่า"จะ"ทำสาย"เศรษฐกิจ" ทั้งที่ฟามรู้เรื่องอีโคโนมี่ มีเพียงน้อยนิด ความจริงหากเป็นไปได้ ผมก็อยากจะทำมันทุกสายนี่แหละ ถ้ามันไม่ใช่สายทุกวัน (55) เพราะเรื่องราวที่อุบัติขึ้นในแต่ละวันนั้น มีความน่าสนใจมากมาย

          ที่จำใจตอบว่าจะทำสายเศรษฐกิจนั้น เหมือนเบื้องบนได้ขีดชะตาเอาไว้ให้มีอันได้เดินมาทางนี้

          ก่อนหน้านี้ย้อนกลับไปสัก 6 ปี ผมเริ่มทำความรู้จักกับสิ่งพิมพ์ที่เรียกว่า "ซ็อคเกอร์" ในช่วงอยู่มัธยมปลาย ด้วยการชักชวนเข้าวงการของคอบอลเดียวกัน เพื่อนร่วมรุ่นรายหนึ่ง พอได้คบกันกับน้องซ็อค ผมก็ตกหลุมรักอย่างหัวปักหัวปำ ที่ผมต้องบรรจง"เปลื้อง"เธอทุกๆ หน้า ทุกๆ วัน จนมีเดอะดรีมว่า วันหนึ่งจะต้องเป็นนักข่าวสายฟุตบอลต่างประเทศให้ได้ โดยที่แทบจะไม่เคยข้องแวะไปกิ๊กๆ กับเรื่องอื่นๆ เลยนอกจากฟุตบอล

          ในชีวิตช่วงหนึ่ง มีอันต้องไปอยู่บ้านอาม่า โดยทิ้งวัตถุบันเทิงใจสารพัดเอาไว้ที่บ้าน

          บ้านอาม่าจะรับหนังสือพิม์ไทยรัฐ และเดลินิวส์ทุกเช้า วางตัวอยูบนโซฟากลางบ้าน เมื่อไม่ได้นำสิ่งบันเทิงใจสักชิ้นมาด้วย ความว่างเริ่มถามหา โซฟาจึงถูกผมหย่อนก้นไปสัมผัส พร้อมๆ กับได้ทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่ทั้งสอง

          อันนั้นเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เริ่มติดตามข่าว ก้นผมได้ถูกหย่อนที่โซฟาพร้อม "เปลื้อง" สองฉบับ เกือบทุกวัน และความอยากรู้ก็ได้ชักนำให้ได้รู้จักกับ นสพ. ฉบับอื่นๆ อีก ทั้งคมชัดลึก มติชนสุดฯ เนชั่นสุดฯ ข่าวสด กรุงเทพฯ โพสต์ฯ ฐานฯ ฯลฯ

          เรื่องการเมืองและเศรษฐกิจเข้ามาแทนที่ความสนใจในชีวิต ผมเริ่มห่างหายจาก “น้องซ็อก”เข้าไปเรื่อยๆ จนเสพย์ติดข่าวการเมืองอย่างเป็นเรื่องเป็นราว และเคยแอบคิดลึกๆ ว่า “อยากเป็นนักข่าวสายการเมือง”

          พลัน...โชคชะตาได้ขีดให้ผมมีอันต้องฝึกงานที่เดอะเนชั่น บ.ก.ตุลสถิตย์ ถามว่าอยากฝึกโต๊ะอะไร ผมตอบไปส่งๆ ว่า การเมืองหรือเศรษฐกิจก็ได้ครับ แล้วเผอิญว่าช่วงนั้นเดอะเนชั่นได้เปลี่ยนแปลงรูปแบบให้เป็นหนังสือพิมพ์ธุรกิจหมาดๆ ผมจึงถูกจับให้ไปอยู่โต๊ะเศรษฐกิจทันที

          ตอนนั้นถ้าถามผมเรื่องการทำข่าว...ตอบเป็นภาษาลุงหมักได้ว่า “ไม่เป็นห่าอะไรเลย” เรื่องประเด็นไม่ต้องพูดถึง แล้วยิ่งเรื่องเข้าใจยากอย่างเศรษฐกิจยิ่งไม่รู้เรื่อง แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ หรือบ่นขอย้ายไปโต๊ะอื่น ทั้งที่อยากไปไปอยู่โต๊ะการเมืองมาก แต่ก็ทำเรื่อยมาถึงปัจจุบันแม้จะหมดฤดูฝึกงานไปแล้วก็ตาม

          ตอนนี้ ถ้าถามว่าผมทำข่าวประเด็นอะไรได้ดีที่สุด ก็คงต้องเป็นเรื่องเศรษฐกิจ เนื่องจากคุ้นเคย และได้รับการฝึกฝนมาบ้างในประเด็นเหล่านี้ จึงเป็นเหตุผลว่า หากคาดคั้นเอาจริงๆ อนาคตก็คงจะทำสายนี้

          ถ้าถามถึงเป้าหมายเพื่อสังคม ตอนนี้ผมมีความรู้สึกอย่างรุนแรงว่า ข่าวเศรษฐกิจหลายข่าว ไม่ได้สะท้อนเรื่องราวเพื่อผู้บริโภค แต่มุ่งสนองต่อนายทุน ข่าวบางข่าวไม่ได้มีคุณค่าต่อผู้อ่านชาวรากหญ้าที่มีกว่า 99% ในประเทศ (เอาข้อมูลจากบัญชีเงินฝากไม่ถึง 1 ล้านบาทในประเทศไทย) ถึงแม้จะมีข้ออ้างว่า ถ้านายทุนมีธุรกิจเติบโต จีดีพีประเทศก็เพิ่ม ประชาชนก็มีงานทำ แต่ในความรู้สึกมันขัดกันว่า นายทุนรวย ประชาชนก็ไม่ได้รวยตามนี่หว่า

          บางทีก็รู้สึกเหมือนไม่ค่อยได้ทำอะไรเพื่อสังคมส่วนใหญ่ เหมือนข่าวสังคม ข่าวสิ่งแวดล้อม หรือการเมือง แต่ถ้ามองอีกแง่ ข่าวเศรษฐกิจก็สามารถทำอะไรเพื่อสังคมส่วนใหญ่ได้ ถ้าเราทำข่าวโดยยืนอยู่ข้างผู้บริโภค

          ต้องยอมรับว่า องค์กรสื่อปัจจุบันถูกกลุ่มนายทุนครอบงำ เพราะต้องง้อเงินเขาทั้งหลาย ซึ่งมันก็มีที่มาจากการที่สังคมยังไม่พัฒนา จึงไม่มีพลังมากพอจะเรียกร้องให้สื่ออยู้ข้างผู้บริโภคอย่างแท้จริง

          ความตั้งใจจึงปะทุขึ้นลึกๆ ว่าจะทำข่าวเพื่อผู้บริโภคอย่างแท้จริงและตรงไปตรงมา อะไรที่เอาเปรียบผู้บริโภค อะไรที่ไม่มีประโยชน์ต่อคนส่วนใหญ่ ต้องสะท้อนออกมาให้เห็น เรียกร้องให้นายทุนทำธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบต่อสังคม เพื่อให้ประเทศชาติ พัฒนาไปอย่างพร้อมกันทุกส่วน ถึงแม้จะยังคงมีความเหลื่อมล้ำ ก็ให้มันน้อยลงก็ยังดี

          เป้าหมายของผมอาจจะดูไม่เพราะไม่ซึ้งไม่สวยงาม...แต่ก็คิดจริง

            จะทำได้หรือไม่ในวัฒนธรรมที่สื่อฯ ต้องง้อนายทุน และสังคมยังไร้การศึกษา...ผมไม่รู้
!!!